ตะกาฟุล ประกันภัยแบบอิสลาม
โดยปกติ เมื่อผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยประกันไปแล้ว ผู้เอาประกันจะไม่รู้เลยว่าบริษัทประกันจะบริหารและจัดสรรเงินเบี้ยประกันอย่างไร เพราะเมื่อซื้อประกันแล้ว ผู้เอาประกันก็ถือว่า "เป็นเรื่องของเอ็ง รถข้าประสบอุบัติเหตุเมื่อใด เอ็งจ่ายเงินประกันให้ข้าก็แล้วกัน" ความคิดดังกล่าวจึงเป็นความคิดแบบตัวใครตัวมัน ขอให้ตัวเองได้ก็แล้วกัน
แต่ความคิดเช่นนี้จะหมดไปถ้าหาก
1) ผู้เอาประกันได้รู้ว่าเบี้ยประกันของตนจะถูกหักออกไปจำนวนหนึ่ง สมมุติ 2.5% เป็น "เงินบริจาคช่วยเหลือผู้เอาประกันกันคนอื่นๆที่ประสบภัย" และตัวเลขนี้ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นอะไรและจำนวนเท่าใด
2) ผู้เอาประกันได้รู้ว่าเขาเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่เขาจ่ายเบี้ยประกันด้วย บริษัทประกันไม่ใช่เจ้ามือ แต่เป็นคณะผู้รับมอบอำนาจในการบริหารเงินเบี้ยประกันของพวกเขาในการนำไปช่วยเหลือสมาชิกผู้จ่ายเบี้ยประกันร่วมกับพวกเขาเมื่อประสบอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเสียชีวิตตามที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ แต่เมื่อบริษัทต้องมีผู้บริหาร ผู้จัดการ พนักงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ พวกเขาก็ยินดีที่จะจ่าย ขอให้กำหนดมาให้ชัดเจนก็แล้วกัน
ส่วนเงินที่เหลือจากนั้น บริษัทผู้บริหารเงินประกันจะต้องใช้ความสามารถในการนำไป แสวงหารายได้ที่ไม่ขัดต่อบทบัญญัติศาสนาอิสลาม (ชะรีอ๊ะฮฺ) หากได้กำไรก็จะปันผลแก่ผู้จ่ายเบี้ยประกันตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้เมื่อกรมธรรม์ครบอายุในกรณีของการประกันอุบัติเหตุหรือนำไปสะสมไว้ในบัญชีของผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตในระยะยาว เงินกำไรนี้ บริษัทสามารถที่จะนำส่วนหนึ่งไปสะสมไว้ใน "บัญชีบริจาค" ก็ได้เพื่อเป็นการเพิ่มสวัสดิการแก่สมาชิกและรักษาบรรยากาศการแข่งขันในการให้บริการ
หากเป็นไปดังที่กล่าวมาข้างต้น ธุรกิจประกันก็ไม่มีอะไรที่ขัดต่อบทบัญญัติศาสนาอิสลาม
การเติบโตของธุรกิจตะกาฟุล
ถึงแม้อิสลามจะเริ่มต้นที่ซาอุดีอารเบีย แต่การนำหลักการอิสลามมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจตะกาฟุลกลับเริ่มต้นที่ซูดานและมาเติบโตที่มาเลเซีย บริษัทตะกาฟุลของมาเลเซียถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2527 หลังจากที่ได้มีการก่อตั้งธนาคารอิสลามขึ้นมาก่อน ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจประกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจธนาคารและเนื่องจากรัฐบาลประเทศมาเลเซียมีนโยบายที่จะให้ระบบการเงินอิสลามเป็นทางเลือกของประชาชนที่นับถืออิสลาม รัฐบาลมาเลเซียก็ได้ออกพระราชบัญญัติตะกาฟุลมาสนับสนุนจนธุรกิจตะกาฟุลของมาเลเซียมีความเข้มแข็ง
อาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบัน ถึงแม้มาเลเซียจะเป็นประเทศเล็กๆที่มีประชาชนนับถืออิสลามประมาณ 60 % แต่ประเทศมุสลิมทั่วโลกก็ยอมรับว่ามาเลเซียเป็นชาติผู้นำและเป็นแบบอย่างทางด้านสถาบันการเงินอิสลาม ธุรกิจตะกาฟุลเติบโตอย่างรวดเร็วและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในมาเลเซีย ถึงแม้ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียจะประสบปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในปี พ.ศ.2540 แต่ด้วยระบบของอิสลาม ทั้งธนาคารอิสลามและธุรกิจตะกาฟุลของมาเลเซียก็สามารถยืนท้าทายฝ่าวิกฤตมาได้อย่างสง่างาม เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าระบบของอิสลามสามารถนำมาใช้ได้ในโลกปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น